วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2559

แนวข้อสอบบรรจุครูผู้ช่วย

แนวข้อสอบบรรจุครูผู้ช่วย

 ข้อสอบวิจัยทางการศึกษา/ในชั้นเรียน 20 ข้อ
1. การวิจัยในชั้นเรียนจัดเป็นการวิจัยรูปแบบใด
ก. การวิจัยเชิงปริมาณ
ข. การวิจัยเชิงปฏิบัติการ*
ค. การวิจัยเพื่อสร้างทฤษฎี
ง. การวิจัยเพื่อพัฒนาเครื่องมือ

2. “การพัฒนาพฤติกรรมการอ่านของนักเรียนชั้น ป. 6” ข้อใดคือตัวแปรตาม
ก. เพศ
ข. ระดับชั้น
ค. วิธีการพัฒนา
ง. พฤติกรรมการอ่าน*
3. จากข้อ 2 ข้อใดไม่ควรกำหนดนิยามศัพท์เฉพาะมากที่สุด
ก. นักเรียน
ข. นวัตกรรม
ค. วิธีการพัฒนา*
ง. พฤติกรรมการอ่าน
4. การคาดคะเนคำตอบของการวิจัยอย่างมีเหตุผล ตรงกับข้อใด
ก. ความมุ่งหมายการวิจัย
ข. สมมุติฐานการวิจัย*
ค. การวิเคราะห์ข้อมูลในการวิจัย
ง. การอภิปรายผลการวิจัย
5. ข้อใดไม่ใช่จุดมุ่งหมายของการวิจัยในชั้นเรียน
ก. แก้ปัญหาผู้เรียน
ข. หาสาเหตุของพฤติกรรม
ค. พัฒนาผู้เรียน
ง. ประเมินตัดสินผู้เรียน*

6. “ด.ช.แดงขาดเรียนบ่อย ๆ” ควรตั้งคำถามการวิจัยว่าอย่างไรจึงจะเหมาะสมที่สุด
ก. ทำไม ด.ช.แดงจึงขาดเรียน
ข. จะแก้ปัญหาการขาดเรียนของด.ช.แดงอย่างไร*
ค. ห้องเรียนมีปัญหาอะไร ด.ช.แดงจึงขาดเรียน
ง. ทางบ้าน ด.ช.แดงมีปัญหาอะไร จึงต้องขาดเรียน
7. “ด.ช.ดำไม่ชอบทำงานรวมกลุ่มกับเพื่อน” ควรใช้วิธีการใดในการรวบรวมข้อมูลเพื่อแก้ปัญหา
ก. การทดสอบ
ข. การสังเกต
ค. การสัมภาษณ์*
ง. การใช้แบบสอบถาม
8. “ปัญหาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนต่ำเนื่องจากนักเรียนไม่เข้าใจบทเรียน” ควรออกแบบการวิจัยเพื่อแก้ปัญหาในลักษณะใด
ก. เชิงทดลองพัฒนาสื่อนวัตกรรม*
ข. เชิงสำรวจหาสาเหตุปัญหา
ค. เชิงปริมาณอ้างอิงทฤษฎีการเรียนรู้
ง. เชิงปฏิบัติการอบรมพัฒนาการเรียนรู้
9. “ความพึงพอใจของครูต่อการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ โรงเรียนอนุบาลดำรงราชานุสรณ์” หัวข้อวิจัยนี้ควรใช้เครื่องมือชนิดใดในการเก็บรวบรวมข้อมูล
ก. แบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่า*
ข. แบบทดสอบอิงเกณฑ์
ค. แบบสังเกตพฤติกรรม
ง. แบบสัมภาษณ์
10. ข้อใดไม่ใช่การหาคุณภาพของแบบทดสอบ
ก. ความเที่ยงตรง
ข. ความเชื่อมั่น
ค. อำนาจจำแนก
ง. ความเป็นสากล*

11. “การวิเคราะห์ความแตกต่างคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนหลังเรียนด้วยชุดฝึกของนักเรียนชั้น ป.5 โรงเรียนโคกอีหลวย จำนวน 40 คน” ควรใช้สถิติใดวิเคราะห์ความแตกต่าง
ก. t-test *
ข. ANOVA
ค. Z-test
ง. F-test
12. “เพื่อศึกษาสภาพการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญของครู โรงเรียนอนุบาลดำรงราชานุสรณ์” ความมุ่งหมายของการวิจัยนี้ ควรใช้สถิติข้อใดในการนำเสนอ
ก. ค่าเฉลี่ย และร้อยละ*
ข. การวิเคราะห์ความแปรปรวน
ค. การทดสอบที
ง. การทดสอบไคว์สแควร์
13. การอภิปรายผลการวิจัยควรจัดไว้ในส่วนใด
ก. บทที่ 1
ข. บทที่ 3
ค. บทที่ 4
ง. บทที่ 5*
14. “การศึกษาการอ่านของนักเรียนชั้น ป.2 จังหวัดศรีสะเกษ” หัวข้อวิจัยนี้ควรเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยวิธีใด
ก. เลือกแบบเจาะจง
ข. สุ่มแบบอย่างง่าย
ค. สุ่มแบบแบ่งชั้น
ง. สุ่มแบบหลายขั้นตอน*
15. “การศึกษาการอ่านของนักเรียนโรงเรียนอนุบาลดำรงราชานุสรณ์ จังหวัดศรีสะเกษ” หัวข้อวิจัยนี้ควรเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยวิธีใด
ก. เลือกแบบเจาะจง
ข. สุ่มแบบอย่างง่าย
ค. สุ่มแบบแบ่งชั้น
ง. สุ่มแบบหลายขั้นตอน*

16. ข้อใดไม่ใช่วิธีการกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่าง
ก. ใช้การคาดคะเน *
ข. ใช้สูตรคำนวณ
ค. ใช้ตารางสำเร็จรูป
ง. ใช้เกณฑ์ร้อยละ

17. ค่าอำนาจจำแนกของแบบวัดควรมีค่าเท่าใด
ก. .05 – 1.00
ข. .20 – 1.00 *
ค. .05-.80
ง. .20-.80
18. ความสำคัญของการวิจัยควรนำเสนอในส่วนใด
ก. บทที่ 1 *
ข. บทที่ 3
ค. บทที่ 4
ง. บทที่ 5
19. ข้อใดไม่ใช่เครื่องมือในการวิจั
ก. แบบสอบถาม
ข. แบบสังเกตแบบไม่มีโครงสร้าง
ค. นวัตกรรม
ง. โปรแกรมสำเร็จรูป SPSS*
20. ข้อใดกล่าวถึงการวิจัยในชั้นเรียนตาม พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ได้อย่างถูกต้องที่สุด
ก. ครูทุกคนต้องดำเนินการวิจัยในชั้นเรียนเพื่อพัฒนาตนเอง
ข. การวิจัยในชั้นเรียนเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนการสอน*
ค. การวิจัยในชั้นเรียนเป็นเครื่องประเมินวิทยฐานะครู
ง. ครูต้องเชี่ยวชาญในการวิจัยในชั้นเรียน
 วิธีการประเมินข้อใดที่ค้นหาความสามารถและความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของผู้เรียนได้อย่างแท้จริ
ก. การทำแบบทดสอบของผู้เรียน
ข. การหาข้อมูลจากผู้ปกครองและเพื่อน
ค. พิจารณาจากผลงานที่ผู้เรียนได้จัดทำขึ้น
ง. วัดและประเมินผลตามสภาพจริง
 จากการสำรวจพบว่าครู มีหนี้สินมาก เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น
ก. อาชีพครูมีสวัสดิการที่ดี
ข. รายได้ครูน้อย
ค. ค่านิยมในวัตถุ
ง. ขาดความเป็นครู
  อัตราเงินเดือนแรกบรรจุ ตำแหน่งครูผู้ช่วย วุฒิปริญญาตรี หลักสูตร 4 ปี คือ
ก. 8,430
ข. 11,920
ค. 12,530
ง. 15,000

อัตราเงินเดือนแรกบรรจุ ตำแหน่งครูผู้ช่วย วุฒิปริญญาตรี 5 ปี คือ
ก. 7,940
ข. 8,430
ข. 12,530 
ง. 15,000
อัตราเงินเดือนแรกบรรจุ ตำแหน่งครูผู้ช่วย วุฒิปริญญาตรี หลักสูตร 4 ปี คือ
ก. 8,430
ข. 11,920
ค. 12,530
ง. 15,000
  ส่วนราชการใดที่ ไม่มี ในสำนักงานเขตพื้นที่มัธยมศึกษา
ก. กลุ่มส่งเสริมการจัดการศึกษา
ข. กลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา
ค. กลุ่มบริหารงานการเงินและทรัพย์สิน
ง. กลุ่มส่งเสริมสถานศึกษาเอกชน
ข้อใด ไม่ใช่ รูปแบบการจัดการศึกษา ตาม พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542
ก. การศึกษาในระบบการเรียนรู้
ข. การศึกษาตามอัธยาศัย
ค. การศึกษานอกระบบ
ง. การศึกษาในระบบ
 ข้อใด ไม่ใช่ มาตรฐานในการประเมินคุณภาพภายนอกรอบที่สาม (พ.ศ. 2554- 2558)
ก. ผลการจัดการศึกษา
ข. การบริการจัดการศึกษา
ค. การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
ง. การประกันคุณภาพภายนอก
 
  ประกาศแบ่งส่วนราชการใน สพป. และ สพม.

1. แบ่งส่วนราชการในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา 8 ส่วนราชการ

1. กลุ่มอำนวยการ
2. กลุ่มบริหารบุคคล
3. กลุ่มนโยบายและแผน
4. กลุ่มส่งเสริมการจัดการศึกษา
5. กลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา
6. กลุ่มบริหารงานการเงินและทรัพย์สิน
7. กลุ่มส่งเสริมสถานศึกษาเอกชน
8. กลุ่มตรวจสอบภายใน

2. แบ่งส่วนราชการในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา 7 ส่วนราชการ

1. กลุ่มอำนวยการ
2. กลุ่มบริหารบุคคล
3. กลุ่มนโยบายและแผน
4. กลุ่มส่งเสริมการจัดการศึกษา
5. กลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา
6. กลุ่มบริหารงานการเงินและทรัพย์สิน
7.กลุ่มตรวจสอบภายใน

ปล. สพป. 8 สพม. 7 (สพม.ไม่มี กลุ่มส่งเสริมสถานศึกษาเอกชน )
 เด็กที่ไม่ปรากฏบิดามารดาหรือไม่สามารถสืบหาบิดามารดาได้ เป็นความหมายของคำว่าอะไร
ก. เด็กกำพร้า 
ข. เด็กเร่ร่อน
ค. เด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด
ง. เด็กที่อยู่ในสภาพยากลำบาก
 
  เด็กที่อยู่ในครอบครัวยากจน และได้รับความลำบากเป็นความหมาย ตามข้อใด
ก. เด็กกำพร้า
ข. เด็กเร่ร่อน
ค. เด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด
ง. เด็กที่อยู่ในสภาพยากลำบาก
  ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ กำหนดประเภทคนพิการไว้กี่ประเภท
ก. 7 ประเภท
ข. 8 ประเภท
ค. 9 ประเภท 
ง. 10 ประเภท
 คนหูหนวก โดยทั่วไปหากตรวจการได้ยินจะมีการสูญเสียการได้ยินตามข้อใด
ก. 85 เดซิเบลขึ้นไป
ข. 90 เดซิเบลขึ้นไป
ค. 95 เดซิเบลขึ้นไป
ง. 100 เดซิเบลขึ้นไป
   ข้อใดแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล
ก. Program Individualized Education : IEP
ข. Program Education Individualized : EPI
ค. Individualized Education Program : IEP
ง. Education Individualized Program : EIP
ข้อใดเป็นเทคโนโลยี สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนเห็นเลือนราง
ก. ไม้เท้าขาว
ข. หนังสือเสียง
ค. Slate และ Stylus
ง. CCTV
 
 ข้อใดเป็นข้อบ่งชี้ที่แตกต่างกันของบุคคลที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้กับบุคคลบกพร่องทางสติปัญญา
ก. ระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
ข. ทักษะการสื่อสาร
ค. ระดับเชาวน์ปัญญา
ง. การปรับตัว
 
 การเรียนร่วม หมายถึงอะไร
ก. การที่เด็กที่มีความต้องการพิเศษได้เรียนร่วมกับเด็กปกติบางเวล
ข. การที่เด็กที่มีความต้องการพิเศษได้เรียนร่วมกับเด็กปกติเต็มเวลา
ค. การที่เด็กที่มีความต้องการพิเศษได้เรียนร่วมกับเด็กปกติโดยคำนึงถึงความสามารถและความต้องการจำเป็นของแต่ละบุคคล
ง. การที่เด็กที่มีความต้องการพิเศษได้เรียนร่วมกับเด็กปกติตามความต้องการของเด็กและผู้ปกครอง
 เรื่อง กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการประกอบวิชาชีพทางการศึกษา

(1) ค่าขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพครู ฉบับละ 500 บาท
(2) ค่าขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาตเป็นผ
ู้ประกอบวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา ฉบับละ 500 บาท
(3) ค่าขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาตเป็นผ
ู้ประกอบวิชาชีพผู้บริหารการศึกษา ฉบับละ 500 บาท
(4) ค่าขึ้นทะเบียนรับใบอนุญาตประกอ
บวิชาชีพผู้ประกอบวิชาชีพควบคุมอื่น ฉบับละ 500 บาท
(5) ค่าต่อใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ครั้งละ 200 บาท
(6) ค่าหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียน เป็นผู้ประกอบวิชาชีพ ฉบับละ 300 บาท
(7) ค่าหนังสืออนุมัติหรือวุฒิบัตรแสดงความรู้
ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ฉบับละ 400 บาท
(8) ค่าใบแทนใบอนุญาต ฉบับละ 200 บาท

พื้นฐานการจำ >> ต่อ/ แทน/รอง/ นาญ / ขึ้น
200/ 200/ 300/ 400 / 500
การลาคลอดบุตร (ไม่ต้องมีใบรับรองแพทย์)

- เสนอใบลาก่อนหรือในวันที่ลา ถ้าลงชื่อไม่ได้ให้ผู้อื่นลาแทนได้ เมื่อลงชื่อได้ให้ส่งใบลาโดยเร็

- ลาในวันที่คลอด ก่อนหรือหลังคลอดก็ได้ แต่รวมแล้วต้องไม่เกิน 90 วัน

- ลาไปแล้วยังไม่คลอด ยกเลิกวันลาคลอดบุตรได้ ให้นับวันที่หยุดราชการไปแล้วเป็นวันลากิจ

- การลากิจส่วนตัว (เพื่อเลี้ยงดูบุตร) ลาต่อเนื่องจากการลาคลอดบุตร ได้ไม่เกิน 150 วันทำการโดยไม่ได้รับ เงินเดือน

- การลาคลอดบุตรคาบเกี่ยวการลาประเภทอื่น ให้ถือว่าวันลานั้นสิ้นสุดลง และนับเป็นวันลาคลอดบุตรนับ แต่วันลาคลอดบุตร
>> ข้าราชการที่ปฏิบัติราชการในโรงเรียน

มีวันหยุดภาคเรียน หากได้หยุดราชการตามวันหยุดภาคการศึกษาเกินกว่าลาพักผ่อน (10 วันทำการ) ไม่มีสิทธิลาพักผ่อนได้
  การลาแบ่งออกเป็น 11 ประเภท คือ

(1) การลาป่วย
(2) การลาคลอดบุตร
(3) การลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตร
(4) การลากิจส่วนตัว
(5) การลาพักผ่อน
(6) การลาอุปสมบทหรือการลาไปประกอบพิธีฮัจย์
(7) การลาเข้ารับการตรวจเลือกหรือเข้ารับการเตรียมพล
(8) การลาไปศึกษา ฝึกอบรม ปฏิบัติการวิจัย หรือดูงาน
(9) การลาไปปฏิบัติงานในองค์การระหว่างประเทศ
(10) การลาติดตามคู่สมรส
(11) การลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพ

เพิ่ม การลา มาอีก 2 ประเภท ที่เดิม ไม่มี คือ (3) การลาไปช่วยเหลือภริยาที่คลอดบุตร และ (11) การลาไปฟื้นฟูสมรรถภาพด้านอาชีพ
 
ผู้บริหารสถานศึกษา มีอำนาจอนุญาตการลาของผู้ใต้บังคับบัญชาดังนี้
- ลาป่วย ครั้งหนึ่งไม่เกิน 60 วัน
- ลาคลอด ครั้งหนึ่งไม่เกิน 90 วัน
- ลากิจส่วนตัว ครั้งหนึ่งไม่เกิน 30 วัน
 
 ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษาสังกัด สพฐ. ต้องมีเวลาทำงานสัปดาห์ละ ไม่น้อยกว่ากี่ชั่วโมง
ก. สัปดาห์ละ 24 ชั่วโมง
ข. สัปดาห์ละ 32 ชั่วโมง
ค. สัปดาห์ละ 35 ชั่วโมง 
ง. สัปดาห์ละ 38 ชั่วโมง
 “ประพฤติตนไม่เหมาะสมกับสภาพนักเรียน” ควรลงโทษระดับใด
ก. ว่ากล่าวตักเตือน
ข. ทำทัณฑ์บน
ค. ตัดคะแนนความประพฤติ
ง. ทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
 ข้อใดหมายถึงการศึกษาภาคบังคับ
ก. อนุบาล – ป.6
ข. ป.1 – ม.3
ค. ป.1 – ม.6
ง. ม.1 – ม.6
 โรงเรียนต้องจัดให้มีระบบงานใดตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546
ก. ระบบงานคุ้มครองเด็ก
ข. ระบบงานดูแลช่วยเหลือนักเรียน
ค. ระบบงานแนะแนว
ง. ถูกทุกข้อ
 การลงโทษนักเรียน

ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ
ว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา
พ.ศ. 2548

มีวัตถุประสงค์ **เพื่อเป็นการอบรมสั่งสอน** ที่จะแก้นิสัยและความประพฤติที่ไม่ดี
ให้รู้สำนึกในความผิด และกลับประพฤติตนในทางที่ดีต่อไป เท่านั้น
 ผู้มีอำนาจอนุญาตให้ข้าราชการครู (สพฐ.) ลาอุปสมบท คือ
ก. ผู้อำนวยการโรงเรียน
ข. ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา 
ค. เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ง. ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
 หน่วยงานใดเป็นผู้กำหนดเวลาทำงานของข้าราชการทั่วไป
ก. คณะรัฐมนตรี
ข. กระทรวง
ค. สำนักนายกรัฐมนตรี
ง. ก.ค.ศ.
 
ประเภทของใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ

ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ มี 4 ประเภท คือ

1. ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู
2. ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา
3. ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้บริหารการศึกษา
4. ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพบุคลากรทางการศึกษาอื่น

ปล. บุคลากรทางการศึกษาอื่น เช่น ศึกษานิเทศก์
การตรวจสอบคัดกรองนักเรียนเป็นรายบุคคล SDQ. สอดคล้องกับสมรรถนะประจำสายงานตามข้อใด

ก.การมุ่งพัฒนาผลสัมฤทธิ์ผู้เรียน
ข.การพัฒนาผู้เรียน***
ค.การวิเคราะห์ สังเคราะห์ และการวิจัยเพื่อพัฒนาผู้เรียน
ง.การสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือกับชุมชนเพื่อการจัดการเรียนรู้

14. คำที่มีความหมายเดียวกันกับสมรรถนะคือข้อใด
ก. ศักยภาพ
ข. ประสิทธิภาพ
ค. คุณภาพ
ง. ประสิทธิผล

10. เกณฑ์ในการประเมินผลงานที่แสดงให้เห็นว่ามีสมรรถนะอยู่ในระดับคุณภาพต่ำ คือข้อใด
ก. ค่าคะแนนเฉลี่ย 3.00 ลงมา
ข. ค่าคะแนนเฉลี่ย 2.50 ลงมา
ค. ค่าคะแนนเฉลี่ย 2.00 ลงมา
ง. ค่าคะแนนเฉลี่ย 1.50 ลงมา

ท่องจำได้เลยครับ... เหมือนกฎของลูกเสือ เนตรนารีฯ

>> จรรยาบรรณ5 ด้าน 9 ข้อ + มาตรฐานความรู้และประสบการณ์9 + มาตรฐานการปฏิบัติงาน 12 + สมรรถนะ 5 หลัก 6 สายงาน

ปล. ท่องได้ มีคะแนน แน่นอนครับ...เจ้าขุนทอง



1.ถ้าถามถึงหน้าที่หลักของครู
ให้ ตอบ สอน หรือจัดกิจกรรมการเรียนการสอนแก่ผู้เรียน เป็นเรื่องแรก
2.ข้อสอบที่ถามเกี่ยวกับผู้เรียน
   ให้ตอบ โดยใช้หลักจรรยาบรรณ ครูต้องมีความรักและเมตตา ต่อศิษย์ ดูตัวเลือกใดๆ ที่บ่งชี้ ว่าครูได้ช่วยเหลือศิษย์ได้มากที่สุด
3.ถ้าถามถึงปัญหาของผู้เรียน ครูต้องแก้ปัญหาในชั้นเรียนเป็นสิ่งแรกในเรื่องการเรียนการสอน..

4.ข้อสอบที่ถามเกี่ยวกับ อาชีพครู
ให้ตอบในเรื่อง ของการมีมาตรฐานในวิชาชีพ เป็นวิชาชีพชั้นสูง ต้องมีประสบการณ์ฝึกหรือเรียนเป็นเวลานาน เป็นอาชีพที่สังคมยอมรับ แม้ว่าทุกวันนี้จะน้อยก็ตาม
ปล. บ้างครั้งความเป็นจริงเป็นสิ่งไม่จำเป็น
5.ข้อสอบถ้าถามเกี่ยวกับ (ผู้เรียน) การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
ให้ตอบ >> เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ คำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล เน้นการปฏิบัติจริง
6.ข้อสอบถ้าถามเกี่ยวกับการเข้าสู่วิชชาชีพ หรือสิ่งแรกที่จำเป็นต้องมี ให้ตอบ >> ศรัทธาในวิชาชีพมาก่อนสิ่งอื่นใ
7.ข้อสอบที่ถามเกี่ยวกับวิชาชีพคร
>> ให้ตอบโดยใช้ จรรยาบรรณวิชาชีพ มาตรฐานวิชาชีพ มาวิเคราะห์
8.ข้อสอบที่ถามเกี่ยวกับความรู้สึกให้ตอบ
>>>> ในลักษณะ "มองโลกในแง่ดี"

Q. ตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่น คือข้อใด
ก. ครู
ข. ผู้อำนวยการโรงเรียน
ค. ศึกษานิเทศ 
ง. ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา
ศึกษานิเทศก์ จ้าาาา
ศึกษานิเทศก์ เป็นบุคลากรทางการศึกษาอื่น
ตามมาตรา 38 ค. (1) ใน พรบ.ระเบียบข้าราชการครู
และบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 คร้าบบบบ

ป.ล.
ก. ครู --> 38 ก. (2)
ข. ผู้อำนวยการโรงเรียน --> 38 ข. (2) 
ค. ศึกษานิเทศ --> 38 ค. (1)
ง. ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา --> 38 ข. (4)


Q. ข้าราชการครูป่วยไม่ส่งใบลาจะลงโทษทางวินัยอย่างไร
ก. ภาคทัณฑ์ 
ข. ว่ากล่าวตักเตือน
ค. ตัดเงินเดือน 5% 1 เดือน
ง. ตัดเงินเดือน 5% 2 เดือน


Q.ไอคิวเท่าไหร่ ที่ถือว่าเป็นเด็กปัญญาอ่อน
>>>>>ข.69>>>ต่ำกว่า 70 ปัญญาอ่อน (mental ratardation)

Q. มันเป็นวันแบบนั้นสำหรับฉัน วันแบบนั้นเป็นวันอะไร
ก.วันที่ดี 
ข.วันที่ไม่ดี
ค.วันที่น่าตื่นเต้น
ง.วันที่น่าเบื่อ

ทุก คนจะมีภาพ คำว่าวันนั้นสื่อไปในทางที่ไม่ดี แต่ผู้ออกข้อสอบต้องการวัดว่า ถ้าเราตอบถูก ว่าเป็นวันที่ดี นั้นแสดงว่า เรามีเจตคติที่ดี.. คิดแง่บวก

Q. จากคำกล่าวที่ว่า”สายอาชีพครู เดี๋ยวนี้ผู้เรียนจบกันมาก ทำให้หางานยาก” ท่านมีความคิดอย่างไรกับคำกล่าวเล่านี้?
ก.คนเราจะเรียนอะไรก็ได้เพราะการเรียนจะทำให้คนมีความคิดกว้างขึ้น
ข. ถ้าตั้งใจเรียนครู ก็ควรเรียน เพราะถ้ามีความสามารถจริงคงหางานทำได้.
ค. ขอให้ได้เรียนไปก่อน การแก้ปัญหาเป็นเรื่องข้างหน้า คนมีปัญหาต้องแก้ปัญหาได้
ง. เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงเพราะเห็นคนจบแล้วหางานทำไม่ได้

Q. ท่านเห็นด้วยกับข้อความใดมากที่สุด
ก. ไม่มีใครสอนใครได้ ถ้าเขาไม่สอนตัวเองก่อน
ข. คนทุกคนสามารถสอนได้ ถ้าเลือกวิธีการที่เหมาะสม
ค. คนบางคนสอนไม่ได้ ครูควรทำใจวางเฉย
ง. คนทุกคนสามารถสอนได้ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม

สภาการศึกษา (59 คน) มีหน้าที่

(๑) พิจารณาเสนอแผนการศึกษาแห่งชาติ

Q. แผนการศึกษาที่ยาวที่สุด คือ
ตอบ แผนการศึกษาแห่งชาติ ปี 2545 -2559 (15ปี)
>>> เก่ง ดี มีสุข

Q. ผู้ใดลงนามรับสนององคมนตรี
ก. ประธานรัฐสภา
ข. ประธานองคมนตรี
ค. นายกรัฐมนตรี
ง. ประธานวุฒิสภา

ค่าดัชนีความยาก - ง่าย
รูปภาพ : ค่าดัชนีความยาก - ง่าย


คำถาม ถ้าเด็กหญิง ก แต่งงานกับเด็กชาย ข ซึ่งทั้ง 2 คน อายุยังไม่ถึง 18 ปี แต่พ่อแม่รับทราบ และยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสถือว่าเป็นเด็กหรือไม่

ตอบ ยังเป็นเด็ก เพราะ เด็ก ตาม พรบ. คุ้มครองเด็ก หมายถึงบุคคลที่อายุ ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ .

..เด็กจะบรรลุนิติภาวะ ต้องอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์

...หรือแต่งงาน จดทะเบียนสมรสโดยความยินยอมของผู้ปกครอง 17 ปี(ถ้าต่ำกว่านั้นต้องได้รับอนุญาตจากศาล)............>>>ตาม กฎหมายยังเป็นเด็กครับ


บทลงโทษ
ว่าด้วยวิชาชีพครู

(1) จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือ ปรับ ไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
>> ประกอบอาชีพควบคุมโดยไม่ได้รับอนุญาต

(2) จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือ ปรับ ไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
>> แสดงด้วยวิธีใดๆ ให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนมีสิทธิหรือพร้อมประกอบวิชาชีพ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากคุรุสภา

>> รับผู้ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเข้าประกอบวิชาชีพควบคุมในสถานศึกษา

>> อยู่ในระหว่างพักใช้ใบอนุญาตแล้วประกอบวิชาชีพควบคุม

Q. ผู้ใดประกอบอาชีพครูโดยไม่ได้รับอนุญาตต้องได้รับระวางโทษตามข้อใด?

ก. จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

ข. จำคุกไม่เกิน 1 ปีหรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

ค. จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

ง. จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

Q. ผู้ใดประกอบอาชีพครูในระหว่างพักใบอนุญาตต้องได้รับการระวางโทษตามข้อใด?

ก. จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

ข. จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

ค. จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

ง. จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ


Q.หน่วยงานใดเป็นผู้กำหนดข้อบังคับว่าด้วยมาตรฐานวิชาชีพครู

ก. คุรุสภา 
ข. ก.ค.ศ.
ค. สพฐ.
ง. สถานศึกษา

(6) ไม่มาปฏิบัติราชการ แต่มาลงเวลาย้อนหลัง (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลาหนึ่งเดือน)

(7) ไม่มาปฏิบัติราชการเพราะป่วย แต่ไม่ส่งใบลาตามระเบียบการ (ภาคทัณฑ์)

ค่านิยม (Values) ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 หมายถึง “ สิ่งที่บุคคลยึดถือเป็นเครื่องช่วยตัดสินใจ และกำหนดการกระทำของตนเอง ”

จริยธรรม (Ethics) ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 หมายถึง “ ธรรมที่เป็นข้อ
ประพฤติปฏิบัติ

คุณธรรม (Virtue) ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 หมายถึง “ สภาพคุณความดี ”



>>การปฏิบัติหน้าที่ราชการต้อง<
<

คำว่า “ซื่อสัตย์” หมายความว่า ปฎิบัติอย่างตรงไปตรงมา ไม่คดโกง

คำว่า “สุจริต” หมายความว่า ปฏิบัติด้วยความมุ่งหมายในทางที่ดีทางที่ชอบตามทำนองคลองธรรม

คำว่า “เที่ยงธรรม” หมายความว่า ปฏิบัติโดยไม่ลำเอียง

ปล. อคติ 4


Q.ชาติแรกของโลก สูญเสียสถานะ “ประเทศพัฒนาแล้ว”
ก. กรีซ
ข. อิตาลี
ค. พม่า
ง. เกาหลีใต้

ตัวอย่างความผิดทางวินัยของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา

ตัวอย่างความผิดวินัย

ความผิดเกี่ยวกับนักเรียน

1. พูดนอกเรื่อง พูดสัปดน พูดสองแง่สองมุม พูดเรื่องส่วนตัวในขณะสอนเป็นประจำ (ตัดเงินเดือน 5 %เป็นเวลา 1 เดือน)
2. พูดมึงกูกับนักเรียน เรียกชื่อพ่อแม่เป็นชื่อนักเรียน (ภาคทัณฑ์)
3. ด่านักเรียนว่า "พ่อแม่ไม่สั่งสอน หรือว่า พ่อแม่สอนให้ทำอย่างนี้" (ตัดเงินเดือน 5 %เป็นเวลา 1 เดือน
4. วางอำนาจ เกรี้ยวกราด ดูถูกเหยียดหยามนักเรียน (ตัดเงินเดือน 5 %เป็นเวลา 1 เดือน)
5. บอกข้อสอบนักเรียน (ลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้น)
6. ให้นักเรียนช่วยตรวจข้อสอบ และให้คะแนนนักเรียนโดยไม่ตรวจกระดาษคำตอบ (ตัดเงินเดือน 5 %เป็นเวลา 1 เดือน)
7. ออกข้อสอบที่มีข้อความเสียดสีผู้บริหารโรงเรียน และถ้อยคำบางคำไม่สุภาพ (ตัดเงินเดือน 5 %เป็นเวลา 1 เดือน)
8. เป็นกรรมการคุมสอบ ไม่คุมสอบให้รัดกุม เป็นเหตุให้นักเรียนลอกคำตอบกัน (ตัดเงินเดือน 5 %เป็นเวลา 1 เดือน)
9. สั่งนักเรียนที่ต้องสอบแก้ "ร" แก้ "0" ให้ซื้ออุปกรณ์การแต่งรถมาให้แล้วจะสอบได้ (ปลดออก)
10. เก็บเงินจากนักเรียน อ้างว่าจะนำไปซื้อหนังสือมาให้นักเรียน แต่ไม่ได้ซื้อและไม่คืนเงินจนกระทั่งถูกร้องเรียนจึงคืนให้ (ตัดเงินเดือน 5 %เป็นเวลา 2 เดือน)
11. ขอยืมเงินนักเรียนแล้วไม่ยอมใช้ ให้นักเรียนช่วยตรวจข้อสอบ (ตัดเงินเดือน 5 %เป็นเวลา 2 เดือน)
12. ขโมยเงินนักเรียน (ปลดออก)
13. ริบสร้อยและแหวนจากนักเรียนแล้วไม่ยอมคืน ผู้ปกครองนักเรียนและผู้บริหารโรงเรียนต้องทวงถามหลายครั้งจึงได้ส่งคืน (ลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้น)
14. ชวนนักเรียนหญิงดื่มเบียร์ (ตัดเงินเดือน 5 %เป็นเวลา 1 เดือน)
15. พานักเรียนไปเที่ยวต่างจังหวัดโดยไม่ได้ขออนุญาตจากผู้บังคับบัญชาและผู้ปกครองนักเรียนให้ถูกต้องตามระเบียบของทางราชการ (ตัดเงินเดือน 5 %เป็นเวลา 2 เดือน)
16. ยุยงนักเรียนให้ขโมยเงินครู (ตัดเงินเดือน 5 %เป็นเวลา 2 เดือน)
17. ยุยงนักเรียนให้กระด้างกระเดื่องต่อผู้บริหารโรงเรียน (ตัดเงินเดือน 5 %เป็นเวลา 2 เดือน)
18. ครูชายจับมือ จับหน้าอก และจูบนักเรียนหญิง (ปลดออก)
19. ครูชายให้นักเรียนหญิงนวดขาแล้วดึงลงมากอด (ปลดออก)
20. ครูชายสั่งนักเรียนหญิงให้มาสอบแก้ตัวที่โรงเรียนในวันหยุดราชการเพียงคนเดียว แล้วถือโอกาส

ปลุกปล้ำ (ปลดออก)

21. ครูชายให้นักเรียนหญิงนอนหนุนตัก แล้วเอามือลูบหัวลูบแก้มในสวนสาธารณะ (ปลดออก)
22. ครูชายพานักเรียนหญิงไปทานอาหาร แล้วคะยั้นคะยอให้นักเรียนดื่มเบียร์ เมื่อนักเรียนดื่มเข้าไปแล้วมีอาการมึนก็พาเข้าโรงแรม แม้จะไม่มีความสัมพันธ์ทางเพศต่อกันถึงขั้นได้เสีย ก็เป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง (ไล่ออก)
23. ครูชายได้เสียกับนักเรียนหญิง ไม่ว่านักเรียนจะสมัครใจหรือไม่ก็ตาม (ไล่ออก)
24. ครูชายทำตัวสนิทสนมกับนักเรียนหญิงจนเกินขอบเขต ผู้บริหารโรงเรียนตักเตือนแล้วไม่ยอมเชื่อฟัง (ลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้น)
25. ครูชายพานักเรียนหญิงไปฟังเพลงและดูภาพยนตร์รอบค่ำกันสองต่อสอง (ลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้น)
26. ลงโทษนักเรียนโดยวิธีตบหน้า ดึงหู กระชากผม (ตัดเงินเดือน 5 %เป็นเวลา 1 เดือน)
27. ลงโทษนักเรียนโดยวิธีหยิก ตบหลัง (ตัดเงินเดือน 5 %เป็นเวลา 1 เดือน)
28. ลงโทษนักเรียนโดยวิธีหักนิ้วไปด้านหลังมือ จนนักเรียนเกิดความเจ็บปวด (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน)
29. เฆี่ยนนักเรียนจนเนื้อแตก เลือดออก (ตัดเงินเดือน 5 %เป็นเวลา 1 เดือน)
30. ลงโทษนักเรียนโดยวิธีทุบหน้าอก เขกหัว (ตัดเงินเดือน 5 %เป็นเวลา 1 เดือน)
31. ลงโทษนักเรียนโดยใช้ป้ายแขวนคอแล้วให้ยืนหน้าห้อง และให้คลานรอบสนาม (ตัดเงินเดือน 5 %เป็นเวลา 1 เดือน)
32. ลงโทษนักเรียนโดยการเฆี่ยนจนมีบาดแผล และใช้พวงกุญแจตีที่ศีรษะนักเรียนจนศีรษะแตก(ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน)
33. ลงโทษนักเรียนโดยการชกและเตะ (ตัดเงินเดือน 5 %เป็นเวลา 1 เดือน)
34. ลงโทษนักเรียนที่ทะเลาะกันโดยวิธีให้ต่อยกันที่หน้าเสาธง จนนักเรียนได้รับบาดเจ็บที่ดั้งจมูก(ตัดเงินเดือน 5 %เป็นเวลา 1 เดือน)
35. ลงโทษนักเรียนโดยการเดินเหยียบและกดขยี้ลงบนมือจนนักเรียนได้รับบาดเจ็บ (ตัดเงินเดือน 5 %เป็นเวลา 1 เดือน)
36. ลงโทษนักเรียนที่ทำเลขผิดด้วยการสั่งให้นักเรียนในห้องจำนวน 28 คน เขกหัวนักเรียนที่ทำเลขผิดคนละ 50 ครั้ง (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน)
37. ลงโทษนักเรียนโดยการตีด้วยไม้ไผ่ปลาย แตก ยาว 1 ศอกเศษ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว ที่ศีรษะจนนักเรียนชักและสลบ จนต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาล 2 วัน (ตัดเงินเดือน 5 %เป็นเวลา 2 เดือน)
38. ลงโทษนักเรียนโดยการเฆี่ยนด้วยเข็มขัดถึง 24 ที และให้แบกโต๊ะซึ่งมีน้ำหนักเกือบเท่าตัวนักเรียน เดินขึ้นเดินลงระหว่างชั้นที่ 2 ถึงชั้นที่ 3 (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 2 เดือน)
39. ลงโทษนักเรียนโดยใช้เหล็กยาวประมาณ 1 ศอก วัดโดยรอบได้ 2.5 ซม. ตีที่หัวไหล่จนได้รับบาดเจ็บ (ตัดเงินเดือน 5 %เป็นเวลา 2 เดือน)

ความผิดเกี่ยวกับการปฏิบัติงาน

1. เจ้าหน้าที่การเงินยักยอกเงินบำรุงการศึกษาไปใช้ส่วนตัว (ไล่ออก)
2. เป็นกรรมการตรวจรับพัสดุ ลงชื่อในใบตรวจรับว่าของถูกต้องครบถ้วน ภายหลังปรากฏว่าไม่มีของที่ตรวจรับ (ลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้น)
3. ครูดนตรีแอบเอาเครื่องดนตรีซึ่งอยู่ในความดูแลรักษาไปจำนำ (ปลดออก)
4. มีหน้าที่อยู่เวร มารับเวรช้า มารับเวรแล้วออกไปทำธุระส่วนตัวข้างนอก (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน)
5. มีหน้าที่อยู่เวร ไม่ยอมมาอยู่เวร ทำให้เครื่องพิมพ์ดีดของโรงเรียนถูกโจรกรรม (ลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้น)
6. มาอยู่เวรแล้วขโมยทรัพย์สินของโรงเรียนเสียเอง (ไล่ออก)
7. ไม่ทำบัญชีการเงินและบัญชีพัสดุให้ถูกต้องเป็นปัจจุบัน (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 2 เดือน)
8. มาสายบ่อยครั้งโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน)
9. กลับก่อนเวลาเลิกงานเสมอ ๆ (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน)
10. ให้เพื่อนลงชื่อมาทำงานแทน (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน ทั้ง 2 คน)
11. ลงชื่อมาปฏิบัติราชการแล้วไม่อยู่โรงเรียน (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน)
12. เข้าสอนช้าและเลิกสอนก่อนหมดเวลาเสมอ ๆ (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน)
13. ทิ้งชั่วโมงสอนไปทำธุระส่วนตัว (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน)
14. ไม่ไปสอนหนังสือติดต่อกันเกินกว่า 15 วันโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร (ไล่ออก)
15. หยุดราชการ 1 วัน ไปติดต่อขอยืมเงินเพื่อน เมื่อมาทำงานได้ยื่นใบลาป่วยต่อผู้อำนายการ (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 2 เดือน)
16. หยุดราชการไป 7 วัน เมื่อมาทำงานได้ยื่นใบลาป่วยพร้อมใบรับรองแพทย์ ปรากฏว่าแพทย์ลงความเห็นให้หยุดพัก 1 วัน แต่แก้ไขใบรับรองแพทย์เป็น 7 วัน (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 2 เดือน)
17. ส่งใบลาป่วยล่าช้าโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร (ภาคทัณฑ์)
18. ขออนุญาตลากิจไปงานแต่งงานเพื่อน ผู้อำนวยการโรงเรียนไม่อนุญาตก็ยังไป (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน )
11. ลงชื่อมาปฏิบัติราชการแล้วไม่อยู่โรงเรียน (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน)
12. เข้าสอนช้าและเลิกสอนก่อนหมดเวลาเสมอ ๆ (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน)

ความผิดเกี่ยวกับการปฏิบัติตนเสื่อมเสีย

1. เมาสุราแล้วอาละวาด ทำลายทรัพย์สินของโรงเรียน (ลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้น)
2. เมาสุราแล้วด่าท้าทายผู้บังคับบัญชา (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 2 เดือน)
3. เมาสุราแล้วทำร้ายร่างกายเพื่อนครูด้วยกัน (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน)
4. เมาสุราแล้วนอนฟุบอยู่หน้าที่ว่าการอำเภอ ไม่สามารถกลับไปสอนหนังสือได้ (ปลดออก)
5. ลงเวลามาทำงานแล้วแอบไปดื่มสุราที่ร้านข้างโรงเรียน ยังนำสุรามาดื่มที่โต๊ะทำงานและที่ห้องพยาบาลของโรงเรียนในเวลาราชการ (ปลดออก)
6. สูบเฮโรอีน (ปลดออก)
7. เล่นไฮโลว์ (การพนันบัญชี ก. ลำดับที่ 23) ที่บ้านพักครู (ปลดออก)
8. เล่นไพ่รัมมี่ (การพนันบัญชี ข. ลำดับที่ 21 ฎ) ขณะอยู่เวร (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 2 เดือน)
9. เล่นหวยใต้ดิน (ปลดออก)
10. ครูสตรีมีสามีแล้วยังไปพบปะให้ความสนิทสนมกับคนรักเก่าถึงขนาดเข้าไปในห้องนอน แต่ไม่มีความสัมพันธ์ทางเพศกัน สามีตามไปพบจึงเกิดการทะเลาะกันขึ้น (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน)
11. ครูชายมีบุตรภรรยาแล้ว ไปหลอกผู้หญิงว่ายังเป็นโสดอยู่ อยากแต่งงานด้วย ผู้หญิงหลงเชื่อและยอมมีความสัมพันธ์ทางเพศด้วย พอคลอดลูกก็ถูกครูชายทอดทิ้ง (ปลดออก)
12. ครูชายกับครูหญิงมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวต่อกัน ทั้ง ๆ ที่แต่ละฝ่ายมีคู่สมรสอยู่แล้ว (ไล่ออก)
13. ครูชายกับครูหญิงมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวถึงขั้นอยู่กินเยี่ยงสามีภรรยาอย่างเปิดเผยต่อกัน ทั้ง ๆ ที่ทั้งสองฝ่ายต่างมีคู่สมรสอยู่แล้ว เพียงแต่แยกกันอยู่เท่านั้น (ไล่ออก)
14. ครูชายมีความสัมพันธ์ทางเพศกับหญิงที่เป็นภรรยาของผู้อื่น แม้หญิงนั้นจะเป็นฝ่ายยั่วยวนและมีความประพฤติไม่ดี ชอบมีความสัมพันธ์ทางเพศกับชายอื่นเสมอ ๆ ก็ถือว่าเป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง (ปลดออก)
15. ครูสตรีมีคู่สมรสแล้วไปมีความสัมพันธ์ในทางชู้สาวกับสามีคนอื่นถึงขั้นได้เสียกัน (ไล่ออก)
16. ครูชายมีคู่สมรสแล้วไปมีความสัมพันธ์ในทางชู้สาวกับภรรยาของคนอื่นจนถึงขั้นได้เสียกัน (ไล่ออก)
17. ครูสตรีมีคู่สมรสแล้วไปมีความสัมพันธ์ในทางชู้สาวกับชายอื่นจนถึงขั้นได้เสียกัน แม้ชายผู้นั้นจะยังไม่มีคู่สมรสก็เป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง (ปลดออก)
18. ครูชายมีภรรยาแล้วแอบไปมีความสัมพันธ์ในทางชู้สาวกับหญิงอื่นจนถึงขั้นได้เสียกัน ทำให้ครอบครัวเดือดร้อน แม้หญิงนั้นจะยังไม่มีคู่สมรสก็เป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง (ปลดออก)
19. ครูชายจดทะเบียนสมรสซ้อนและไม่รับผิดชอบครอบครัว (ปลดออก)
20. ครูสตรีจดทะเบียนสมรสกับชายอื่นทั้ง ๆ ที่รู้ว่าชายนั้นมีภรรยาและจดทะเบียนสมรสแล้ว (ปลดออก)
21. ครูชายเขียนจดหมายถึงภรรยาผู้อื่นในลักษณะชู้สาว (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน)
22. ครูชายปลุกปล้ำครูสตรีโรงเรียนเดียวกัน (ปลดออก)
23. ออกเช็คเด้งจนถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 3 เดือน (ปลดออก)
24. เป็นหนี้แล้วไม่ยอมชดใช้ตามกำหนด พอเจ้าหนี้มาทวงกลับท้าให้ไปฟ้องศาล (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน)
25. เอาทรัพย์สินของโรงเรียนไปเป็นของตนเอง (ปลดออก)
26. เรียกร้องเงินจากผู้ปกครองนักเรียนที่พาบุตรมาสอบเข้าเรียนต่อ โดยอ้างว่าจะช่วยให้เด็กสอบเข้าได้ (ปลดออก)
27. แต่งกายไม่สุภาพไปทำงาน ผู้บริหารโรงเรียนเตือนแล้วไม่ยอมฟัง (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน)
28. ทุจริตในการเบิกค่ารักษาพยาบาล (ไล่ออก)
29. ทุจริตในการเบิกค่าเช่าบ้าน (ไล่ออก)
30. ทุจริตในการเบิกค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าที่พัก ค่าพาหนะ ในการเดินทางไปราชการ (ไล่ออก)

ความผิดเกี่ยวกับประชาชน

1. พูดจาไม่สุภาพกับผู้ปกครองนักเรียนซึ่งมาขอทราบเหตุผลที่บุตรของตนถูกครูลงโทษ (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน)
2. รับประทานอาหารแล้วไม่จ่ายเงิน เมื่อเจ้าของร้านมาฟ้องผู้อำนวยการ เกิดความโมโหกระชากคอเสื้อแล้วต่อยหน้า 2 – 3 ที (ปลดออก)

ความผิดต่อผู้บังคับบัญชา

1. ผู้อำนวยการโรงเรียนสั่งให้อยู่เวร ไม่ยอมมาอยู่อ้างว่าลืม (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน)
2. ผู้อำนวยการโรงเรียนสั่งให้คุมสอบนักเรียน ไม่ยอมคุม (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน)
3. ไม่ยอมส่งผลการสอบแก้ตัวของนักเรียนตามเวลาที่ผู้อำนวยการโรงเรียนกำหนด ทำให้โรงเรียนไม่สามารถแจ้งผลการเรียนตามกำหนด (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน)
4. ไม่เข้าประชุมตามคำสั่งผู้อำนวยการโรงเรียน โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน)
5. ไม่ยอมส่งแผนการเรียนการสอนตามเวลาที่ผู้อำนวยการโรงเรียนกำหนด ต้องเตือนถึง 2 ครั้ง จึงส่ง(ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน)
6. ร้องเรียนไปยังกรมฯ ว่าผู้อำนวยการโรงเรียนทุจริตเงินราชการ ทั้งที่รู้อยู่ว่าไม่เป็นความจริง (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 2 เดือน)
7. อยากขออนุญาตลากิจเพื่อไปงานบวชเพื่อน ก็เกรงผู้อำนวยการโรงเรียนจะไม่อนุญาต จึงวางแผนให้เพื่อนโทรเลขมาถึงตนที่โรงเรียนมีข้อความว่า "แม่ไม่สบายกลับบ้านด่วน" เมื่อได้รับโทรเลขแล้วนำโทรเลขไปพบผู้อำนวยการโรงเรียนเพื่อขออนุญาตไปเยี่ยมแม่ ผู้อำนวยการเชื่อว่าเป็นความจริงจึงอนุญาต (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน)
8. ผู้อำนวยการโรงเรียนทำหนังสือตักเตือนเรื่องเข้าสอนช้า พออ่านจบขยำหนังสือทิ้งด้วยความไม่พอใจ(ภาคทัณฑ์)
9. พูดจาก้าวร้าว ลบหลู่ผู้อำนวยการโรงเรียน ด้วยความโกรธที่ไม่ได้ 2 ขั้น (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน)
10. ขว้างอิฐใส่รั้วสังกะสีทำให้เกิดเสียงดังขณะที่ผู้บริหารโรงเรียนเดินผ่าน เพราะโมโหที่ไม่ได้ 2 ขั้น (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน)
11. โต้เถียงผู้บริหารโรงเรียนในขณะประชุม ผู้บริหารโรงเรียนสั่งให้หยุดกลับตะโกนเสียงดังกว่าเดิม (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน)
12. พูดกับนักเรียนที่นั่งอยู่ในโรงอาหารว่า "โรงเรียนเราห่วยลง ๆ ก็เพราะมีผู้อำนวยการงี่เง่าเล่นพรรคเล่นพวก วัน ๆ เอาแต่มุดหัวอยู่แต่ในห้อง (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน)

ความผิดเกี่ยวกับเพื่อนร่วมงาน

1. ด่าหัวหน้าหมวดวิชาต่อหน้านักเรียนว่า "สมองเท่าไข่พยาธิ" หัวหน้าหมวดวิชาด่ากลับไปว่า "อีหน้าคุดทะราด" (ภาคทัณฑ์ทั้ง 2 ราย)
2. ชี้หน้าด่าเพื่อนครูว่า "ไอ้เหี้ย" แล้วท้าให้ออกมาต่อยกัน (ภาคทัณฑ์)
3. ชกหน้าเพื่อนครู 1 ที เพราะโมโหที่ไปฟ้องผู้อำนวยการโรงเรียนว่าตนไม่ยอมเข้าสอน (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน)
4. ครูสตรีตบตีกันในห้องพักครู (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน)
5. สาดน้ำใส่หน้าเพื่อนครูแล้วทำร้ายร่างกาย (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน)
6. เอาน้ำปัสสาวะผสมอุจจาระสาดหน้าครูโรงเรียนเดียวกัน (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน)
7. ใช้อาวุธปืนยิงครูโรงเรียนเดียวกัน แต่ไม่ถูก (ลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้น)
8. ใช้อาวุธปืนยิงเพื่อนครูถึงแก่ความตาย (ไล่ออก)
9. ร้องเรียนไปยังกรมฯ ว่าครูผู้หนึ่งเป็นชู้กับภรรยาของผู้อื่น ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่เป็นความจริง (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 2 เดือน)
10. พูดตำหนิ เหยียดหยาม ดูถูกครูด้วยกัน ให้นักเรียนฟังในขณะสอน (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน)
11. นำเรื่องที่ไม่เป็นความจริงไปบอกหนังสือพิมพ์ ทำให้ครูที่ตกเป็นข่าวได้รับความเสื่อมเสีย (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน)
12. หัวหน้าหมวดขอร้องให้ช่วยเข้าสอนแทนครูที่ลาป่วย ลาคลอด แต่ไม่ยอมช่วย อ้างว่าไม่ใช่หน้าที่ (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน)
13. นักเรียนชกต่อยกัน ผู้ช่วยฝ่ายปกครองให้ช่วยห้ามเพราะลำพังผู้ช่วยคนเดียวห้ามไม่อยู่ กลับพูดว่า "เด็กมันอยากต่อยกันก็ปล่อยให้มันต่อยไปซิ จะตายโหงตายห่าก็เรื่องของมัน" แล้วเดินผ่าน (ตัดเงินเดือน 5 % เป็นเวลา 1 เดือน)

ขอบคุณข้อมูลจาก : สพป.จันทบรี เขต 1

Q. นาย ก. ประพฤติตนผิด จรรยาบรรณวิชาชีพ จะมีโทษทางวินัยตามข้อใด

ก. ว่ากล่าวตักเตือน
ข. ภาคทัณฑ์
ค. ตัดเงินเดือน
ง. ไม่มีความผิดทางวินัย


ลักษณะความผิดทางวินัย ของข้าราชการครู


(1) ไม่มีอายุความ
(2) ยอมความกันไม่ได้
(3) ไม่อาจชดใช้ด้วยเงินเพื่อลบล้างความผิด
(4) สภาพการกระทำความผิดของข้าราชกา
(5) การลงโทษให้เป็นไปตามระเบียบกฎหมาย



Q. หน่วยงานใดไม่เกี่ยวข้องกับประกันคุณภาพภายใน
ก. สพฐ.
ข. สพท
ค. สมศ. 
ง. สถานศึกษา


ค. สมศ. >>> ต้องภายนอก ตอนนี้รอบสาม 2554 -2558


หัวใจในการสอบครูผู้ช่วย

1. รู้และเข้าใจหลักสูตรสอบ >> อย่าหลงทาง
2. เตรียมตัว และวางแผนการอ่านอย่างเข้มเป็นเวลานาน
3. เป็นผู้ติดตามข่าวสาร อยู่เสมอ
4. มีที่ปรึกษาที่ดี
5. แลกเปลี่ยนกับเพื่อน ผู้รู้ตลอดเวลา
6. ไม่รู้ ไม่เข้าใจ ในเรื่องอะไร พยายามหาคำตอบด้วยตนเองก่อน ถ้ารู้ จะจำได้นาน
7. ขยันหมั่นฝึก ทบทวน อยู่เสมอด้วยความอดทน
8. มีความตั้งใจจริง ที่จะทำให้สำเร็จ หาแรงบันดาลใจ
9. มีความเป็นครู ศรีทธา และรักในวิฃาชีพ


Q.ข้อใดกล่าวถูกต้องเกี่ยวกับการศึกษาภาคบังคับ
ก. อายุอย่างเข้าปีที่ 6 จนถึงย่างเข้าปีที่ 17
ข. อายุย่างเข้าปีที่ 7 จนถึงย่างเข้าปีที่ 16
ค. อายุย่างเข้าปีที่ 6 จนถึงย่างเข้าปีที่ 16
ง. อายุย่างเข้าปีที่ 7 จนถึงย่างเข้าปีที่ 15


Q. ข้อใดไม่ใช่นโยบายเรียนฟรี 15 ปี ของ สพฐ.
ก. ค่าหนังสือเรียน
ข. ค่าอุปกรณ์การเรียน
ค. ค่าเครื่องแบบนักเรียน
ง. ค่าเล่าเรียน


Q. ข้อใดไม่เป็นความผิดทางวินัยร้ายแรง
ก. ไม่สนับสนุนการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
ข. ลอกเลียนแบบผลงานทางวิชาการของผู้อื่นโดยมิชอบ
ค. กดขี่ หรือขมเหงผู้เรียน
ง. ทุจริตต่อหน้าที่ราชการ


โทษทางวินัยมี 5 สถาน คือ
(1) ภาคทัณฑ์
(2) ตัดเงินเดือน
(3) ลดขั้นเงินเดือน
(4) ปลดออก
(5) ไล่ออ


โทษผิดจรรยาบรรณ 5 สถาน

(1) ยกข้อกล่าวหา
(2) ตักเตือน
(3) ภาคทัณฑ์
(4) พักใช้ใบอนุญาตมีกำหนดเวลาตามที่เห็นสมควร แต่ไม่เกิน 5 ปี
(5) เพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ (มาตรา 54)

ปล. พื้นฐานการจำ ยก + ตัก + ภาค + พัก + เพิก


Q.ข้อใดเป็นโทษทางวินัยที่หนักที่สุด
ก. พักราชการ
ข. ให้ออก
ค. ปลดออก
ง. ไล่ออก


Q.ข้อใดเป็นโทษทางวินัยที่เบาที่สุด
ก. ภาคทัณฑ์
ข. ตัดเงินเดือน
ค. ว่ากล่าวตักเตือน
ง. พักราชการ


Q.กระทำผิดวินัยลักษณะใดไม่ต้องตั้งกรรมการสอบสวนก็ได้
ก. ร้ายแรง
ข. ปรากฏชัดแจ้ง
ค. ร้ายแรงและปรากฏชัดแจ้ง
ง. ไม่ร้ายแรง


Q.ข้อใดเป็น กรณีความผิดที่ปรากฏชัดแจ้ง
ก. ละทิ้งหน้าที่ราชการในคราวเดียวกันเกินกว่า 15 วันโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร
ข. เล่นการพนัน
ค. เมาสุราจนครองสติไม่ได้
ง. เป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว



*** การย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู มี 3 กรณี ดังนี้ ***

(1) การย้ายกรณีปกติ
(2) การย้ายกรณีพิเศษ
(3) การย้ายกรณีเพื่อประโยชน์ของทางราชการ



สังเกตว่าทำข้อสอบ พรบ. ตอบถูกเป็นส่วนมาก แสดงว่า พรบ. ไม่มีปัญหาแน่ และออกน้อยด้วย ประมาณ 15 ข้อ


Q. ผู้ที่มีอำนาจประกาศกำหนดเขตพื้นที่การศึกษา
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา
ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาโดยคำแนะนำของสภาการศึกษา
ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการโดยคำยินยอมของสภาการศึกษา
ง. คณะรัฐมนตรี


Q. องค์กรหลัก ของกระทรวงศึกษาธิการ ที่เป็นคณะบุคคลในรูปของสภา หรือคณะกรรมการมีกี่องค์กร
ก. 2 องค์กร
ข. 3 องค์กร
ค. 4 องค์กร 
ง. 5 องค์กร

องค์กร สภาการศึกษา คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน คณะกรรมการอาชีว คณะกรรมการอุดมศึกษา

ไม่มีความคิดเห็น :

แสดงความคิดเห็น